Check in Specials บทความพิเศษนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจ โดยนักเขียนรับเชิญเจ้าของนามปากกา “นิ้วเทพ” เข้าประจำการคอลัมน์นี้ สกู๊ปพิเศษตอนนี้เนื้อหาอาจยาวนิดนึง จะพาไปย้อนอดีตกันที่บ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่อำเภอแม่ทา ตำบลทาสบเส้า จังหวัดลำพูน ใกล้กับวัดทาดอยแก้ว
มองจากภายนอกแทบไม่เห็นความแตกต่างจากบ้านทั่วไปแถวนั้นเลย แต่เมื่อเดินลัดเลาะผ่านประตูบานเล็กๆ ไปยังภายในเหมือนหลุดไปโลกอดีตยังไงยังงั้น พูดไปหลายท่านอาจไม่เห็นภาพ ลองชมภาพ 360 องศาที่ทีมงานเช็คอินเชียงใหม่บรรจงถ่ายมาประกอบไปด้วยจะอินมากครับ
การเข้าถ่ายภาพและทำสกู๊ปครั้งนี้ได้รับอนุญาตจากเจ้าของพื้นที่อย่างเป็นทางการและยังได้เล่าถึงความเป็นมาสำหรับของเก่าบางอย่างให้ผมฟังอีกด้วย บางชิ้นดูผิวเผินก็คือของเก่าเก็บ แต่เมื่อรู้ที่มาของมันทำให้รู้ถึงคุณค่าที่แฝงอยู่ทันที เจ้าของกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “ของบางอย่างแม้จะราคาไม่สูง แต่ไม่ใช่ว่าคุณมีเงินแล้วจะซื้อสิ่งนั้นได้” เพราะของเก่าเหล่านี้บางอย่างไม่มีให้เห็นโดยทั่วไปแล้ว
เจ้าของได้เล่าแรงบันดาลใจให้ผมฟังว่า “พ่อกับแม่เป็นแม่ค้าขายของในตลาดจึงเห็นตลาดแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อเวลาผ่านไปตลาดแบบนี้ก็หายไป จึงต้องการจำลองตลาดโบราณกลับมาเพื่อรำลึกถึงวันเก่าๆ จึงเริ่มสะสมและสร้างร้านขึ้นมาทีละร้านจนกระทั่งกลายเป็นตลาดจำลองที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแบบย้อนยุค ซึ่งหาดูไม่ได้แล้วในสมัยนี้”
เริ่มจากโซนแรกเป็นห้องแบบตะวันตกซึ่งเจ้าของบอกว่าเหมาะใช้กับงานแต่งงานแบบคริสต์มีภาพพระแม่มารีหน้าประตู ถัดจากนั้นจุดนี้จะเป็นร้านค้าสมัยโบราณเป็นห้องๆ ประมาณ 10 ห้อง ซึ่งแต่ละร้านค้าจะมีสินค้าไม่เหมือนกันเลยคือ ร้านแผ่นเสียง เทป แคสเซ็ต, ร้านโทรศัพท์, ร้านของอุปกรณ์ไฟฟ้า, ร้านขายของชำ, ร้านยา, ร้านขายขนม, ร้านขายอุปกรณ์เครื่องครัว, ร้านหนังสือ และ ร้านขายเครื่องดื่ม เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเป็นของเก่าทั้งสิ้น!!
จากโซนร้านขายของก็เป็นบ้านไม้โบราณขนาดใหญ่กลางบ้านหลังคาเปิดเพื่อรับแสงสว่าง เวลาฝนตกจะมีพื้นที่รองน้ำฝน หากฝนตกหนักจนน้ำสูงขึ้นจะเหมือนเป็นสระน้ำกลางบ้าน รอบๆ จะมีห้องพักแบบต่างๆ ซึ่งภายในตกแต่งแบบโบราณทั้งหมด
ถัดมาจะมีบ้านอีกหลังหนึ่งภายในตกแต่งแบบจีน ซึ่งผมเพิ่งเคยเห็นเตียงของจริงแบบนี้ครั้งแรกในชีวิต ปกติเห็นจากในหนังจีนเท่านั้น เจ้าของเล่าให้ผมฟังว่าเตียงของคนจีนสามารถบอกยศตำแหน่งได้เตียงนี้ซื้อมาในราคาหนึ่งแสนกว่าบาท แต่ปัจจุบันหาเตียงสภาพดีแบบนี้แทบไม่ได้แล้ว ที่เห็นขายกันทั่วไปราคาหลักล้านก็สวยสู้เตียงนี้ไม่ได้
เจ้าของชี้ให้ผมดูป้ายโปสเตอร์ตามตู้ไฟที่ห้อยบนหัว แล้วเล่าให้ฟังว่า “ในแต่ละตู้โชว์ที่ห้อยอยู่จะมีโปสเตอร์อยู่ข้างในประมาณ 150 แผ่น มีคนมาขอซื้อเพื่อไปสะสมหลายคน แต่ส่วนใหญ่จะไม่ขายเพราะอยากเก็บไว้ เคยมีคนมาจากมาเลเซียเพื่อซื้อโปสเตอร์โฆษณามิริด้า 1 แผ่น เห็นความตั้งใจเลยยอมขายให้”
และเจ้าของยังเล่าเหตุว่าทำไมโปสเตอร์มิรินด้าแผ่นนั้นถึงมีคนอยากเก็บสะสม? … เพราะหากดูในภาพจะมีส้มที่ไหลจากน้ำตกมาตามน้ำจำนวนมหาศาลโดยมีนางแบบยืนอยู่บ้างหน้า ซึ่งหากเป็นสมัยนี้ใช้ CG ทำก็ไม่ยาก แต่เมื่อหลายสิบปีก่อนการจะทำให้ภาพออกมาแบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ดังนั้นภาพนี้จึงมีมูลค่าจากเรื่องราวของตัวมันเอง
หรืออย่างเช่นน้ำอัดลมยี่ห้อ “ว้อตสัน” แบบลังไม้ ซึ่งเป็นน้ำอัดลมที่ผลิตออกมาจำหน่ายได้ไม่นานก็ยกเลิกการผลิตไป จึงมีของไม่เยอะกลายเป็นของหายากไป ที่นี่มีอยู่หลายร้อยลัง ซึ่งเคยมีคนมาขอซื้อลังละ 2 หมื่น ผมก็ไม่ขาย … เจ้าของกล่าว
ผมและทีมงานเริ่มถ่ายภาพตั้งแต่ 10 โมง เชื่อมั้ยครับ ถ่ายแบบไม่หยุดจนกระทั่งบ่าย 2 ก็ยังถ่ายไม่หมด ปกติการถ่ายภาพ 360 องศาแบบแสงตัดกันมากๆ ต้องถ่ายเป็น HDR แต่เนื่องจากมีเวลาจำกัดจึงถ่ายแบบช็อตเดียว จึงมีภาพที่โอเวอร์บ้าง ส่วนภาพนิ่งนั้นกดรัวๆ เจาะของเก่าชิ้นต่อชิ้นมานับไม่ถ้วนสุดท้ายต้องยอมถ่ายแบบกว้างๆ เพื่อเก็บบรรยากาศทั้งหมด เล่าแบบนี้คุณผู้อ่านคงพอจะนึกถึงปริมาณของเก่าที่นี่ได้แล้วใช่ใหมครับว่ามหาศาลขนาดไหน
แต่ทั้งนี้หากใครอยากมาเยี่ยมชมที่นี่ก็ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ เจ้าของบอกกับผมว่า “ยังไม่เปิด” ให้คนทั่วไปเข้าชม เพราะของเก่าที่นี่มีมากเกินจะดูแลได้ทั่วถึง ทุกชิ้นที่นี่วางแบบธรรมชาติไม่ได้โชว์ในตู้ บางอย่างไม่สามารถหาซื้อได้แล้วในปัจจุบัน และกำลังปรับปรุงพื้นที่อีกส่วนหนึ่งเพื่อทำตลาดแบบโบราณจะมีแต่อาหารและขนมโบราณเท่านั้น นอกจากนั้นเจ้าของยังพาผมไปดูแม่น้ำด้านข้างซึ่งมีสะพานที่กำลังสร้างเพื่อข้ามไปอีกฝั่งและเปรยกับผมว่าจะสร้างอะไรฝั่งโน้นอีกหลายอย่าง ขณะนี้กำลังวางแผนว่าถ้าจะเปิดที่นี่อย่างเป็นทางการจะต้องจัดการพื้นที่อย่างไร
จากการได้มาเยือนที่นี่ทำให้ผมรู้ว่าเวลามีค่ามากเพียงใด จากสิ่งที่มีมูลค่าน้อยนิดแต่เมื่อบวกเวลาเข้าไปยิ่งนานมันก็ยิ่งทวีคุณค่ามากขึ้นเท่านั้น แต่สวนทางกับเวลาชีวิตคนเราที่ต้องนับถอยหลังไปเรื่อยๆ เช่นกัน ผมได้มายืนอยู่ ณ จุดที่ผมจินตนาการถึงผู้คนที่เคยอยู่หลังของเก่าเหล่านี้ช่างแฝงเรื่องราวไว้มากมาย และสักวันหนึ่งสิ่งของรอบตัวผมก็คงจะกลายเป็นของสะสมไปเฉกเช่นเดียวกัน ดังนั้นในวันนี้ที่เรายังมีโอกาสร้างคุณงามความดี ก็จงฉวยโอกาสนั้นไว้อย่างน้อยก็คงเหลือไว้ซึ่งเรื่องราวให้คนรุ่นหลังได้กล่าวถึง
ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่อยากจะเขียน แต่ยาวไปกลัวจะเบื่อกัน เอาเป็นว่าถ้าเจ้าของเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ ผมจะรีบแจ้งให้แฟนคลับของเช็คอินเชียงใหม่ทราบทันที และ Checkin Specials ครั้งหน้าจะเป็นเรื่องอะไร ติดตามกันได้ครับ.
ขอบคุณภาพปกสกู๊ปจาก Wiroj Saipan
นิ้วเทพ
(10003)